วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เริ่มแรก HR ขาเม้าท์


 อยากเล่าประสบการณ์การทำงาน HR & OD หรือ จะเรียกว่าให้ทันสมัยในชื่อ การบริหารทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาองค์การ หรือ แบบดั้งเดิม งานบุคคล หรือ...ที่มีมากว่า 20 ปี กว่า 30 กว่าบริษัท ทั้งไทยแท้ ไทยผสม และ ต่างชาติ 100% ทั้งอเมริกา-ยุโรป-เอเชีย ซึ่งคงเป็นการเล่าสู่กันฟังให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจอ่าน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะนินทาว่าร้ายให้ใครเสียหาย ในหมวดนี้ไม่อยากเรียกว่า "บทความ" มันดูเป็นทางการและมีสาระเกินไป อยากจะเขียนอะไรก็จะเขียน ลูกสาวจึงขอตั้งชื่อหมวดนี้ว่า "HR ขาเม้าท์" ฟังแล้วแลดูสมสมัย แม้จะไม่สอดคล้องกับวัยคนเล่า...แต่ทำให้คนเล่าเรื่องไม่ต้องกังวลสำนวน เล่าสู่กันฟังได้อย่างสบายใจ 


 {{{(>_<)}}} ย้อนเวลากลับไปในปี 2525 เพิ่งเรียนจบ รัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือ IR ตระเวณหางาน ทั้ง walk-in สมัครงานตามแต่มีคนบอกมา และซื้อหนังสือพิมพ์สลับกันอ่านกับเพื่อน สมัยนั้นไม่มี อากู๋ google ไม่มีมือถือให้เป็นแหล่งข้อมูลหางาน ที่พึ่งข่าวสารสมัครงานหลัก คือหนังสือพิมพ์ ซึ่งแบ่งระดับการลงโฆษณา ถ้าต้องการทำงานกับบริษัทระดับกลาง ->ยักษ์ใหญ่ ต้อหางานจาก Bangkok Post และ Nation ซึ่งมีราคาแพงกว่าหนังสือพิมพ์หน้าสีภาษาไทย เราจึงต้องซื้อมาสลับกันอ่านกับเพื่อน จดที่อยู่ของบริษัท เขียน resume สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ถ่ายรูป จัดทำกันเหมือนโรงพิมพ์กว่า 50 ชุด หมดเงินค่าขนมสะสมไปหลายบาทเหมือนกัน สมัยนั้น สำเนาเอกสารหรือเรียกภาษาชาวบ้านว่าซีร๊อกซ์ ตามยี่ห้อเครื่องถ่ายเอกสาร แผ่นละ 3-4 บาท จัดใส่ซองติดแสตมป์ราคาตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดน่าจะดวงละ 50 สตางค์และ 75 สตางค์ และติดตามตำแหน่งงานทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อนคนใดรู้ข่าวก่อนก็บอกอีกคน แล้วก็นัดกันเป็นก๊วนไปสมัครงานเหมือนนัดไปทัศนศึกษาแบบนั้นแหละ


·(¯`°.•° ทุกๆ วันก็นั่งฟังเสียงรถเครื่องของ Mr. Postman จะมีข่าวนัดสัมภาษณ์งานของเราไหมเนี่ย คอยเป็นอาทิตย์ก็มิมีข่าวคราว และในสมัยนั้น ถ้าบริษัทไม่มีจดหมายเรียก จะอาจหาญโทรไปหา HR ก่อน เป็นเรื่องยาก เขาจะหาว่าเราไม่มีมารยาท ก้าวร้าว...ต้องคอย และ คอยต่อไป ซึ่งก็เงียบและเงียบ

วันหนึ่ง...ได้รับจดหมายจากเพื่อนซี้ที่เรียนจบมาด้วยกัน ไม่ต้องแปลกใจ สมัยนั้น บ้านใครมีโทรศัพท์นับได้ว่าต้องมีเส้นใหญ่จึงขอโทรศัพท์ได้ หรือ เป็นร้านค้า ดังนั้น ช่องทางการสื่อสารที่ฮิตสุดคือ จดหมาย และ ไปรษณีย์บัตร เพื่อนบอกว่าอ่านหนังสือพิมพ์หน้าสีภาษาไทย เจอตำแหน่งงานว่างแถวสีลม ถนนพัฒน์พงษ์ 2 ตำแหน่ง ด่วนมาก เราจึงนัดกัน นั่งรถเมล์นายเลิศสาย 46 (ก่อนเป็น ขสมก. สมัยโน้นรถเมล์เป็นของเอกชน เรียกว่ารถเมล์นายเลิศ) ไปลงแยกอังรีดูนังต์ แล้วเดินไปสีลม เพื่อหาบริษัทที่ได้รับข่าวมา ตอนนั้นแปลกใจมาก ทำไมบริษัท ร้านแถวนั้นมันเงียบ แลดูหงอย ๆ จนถึงที่หมาย ต้องหยุดมองหน้ากัน เพราะเป็นอาคาร 2 คูหา 3 ชั้น เงียบมาก เปิดประตูไว้บานเดียว ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว โผล่หน้าเข้าไปส่งเสียงเรียกคน แล้วก็ผลุบกลับออกมา ยืนคอย สักพักมีผู้ชายเดินออกมา เราจึงบอกว่าจะมาสมัครงาน ตาคนนี้ไม่พูดไม่จา มองเราสองคนตั้งแต่หัวยันเท้า แล้วบอกให้หมุนตัว แล้วก็มองหน้า ถามว่าเราจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่...ไม่ต้องสัมภาษณ์อะไรเลย งงมาก เพื่อนกล้ากว่าจึงถามว่า มีเอกสารการศึกษามาด้วย จะดูก่อนไหม เขาบอกว่าไม่ต้องหรอก เขารับเลย 

เพื่อนจึงถามว่า อ้าว! แล้วจะรู้หรือว่าเราสองคนทำงานได้ไหม เขาบอกว่า เขามีประสบการณ์ทำกิจการมานาน เห็นหน้าตาท่าทางก็รู้แล้วว่า ต้องทำได้แน่ๆ และไม่ยากด้วย เขามี ครูฝึก หรือ Trainer สอนให้ด้วย...ลางสังหรณ์บอกว่าชักไม่ค่อยดีแล้ว จึงถามว่า "ทำอะไร" คำตอบ คือ "เต้นอะโกโก้" (สมัยนี้น่าจะคือ โคโยตี้มั๊ง)


«-(¯`v´¯)«--สองสาวไม่พูดจาจูงมือกันหันหลังเผ่นแน่บ มาทางไหน กลับไปทางนั้น เอวังด้วยประการฉะนี้ และ "ตกงาน" ต่อไป «-(¯`v´¯)«--

 #HROD



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น