วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560

มุ่งสู่.. องค์การประสิทธิภาพ (Organizational Efficiency)


 ริงๆ ตั้งใจจะเขียนเกี่ยวกับการพัฒนาองค์การ (OD: Organization Development) และ พฤติกรรมองค์การ (OB: Organization Behavior) ในการปรับเปลี่ยนองค์การเป็นองค์การประสิทธิภาพ หรือ Organization Efficiency เพื่อประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย และบุคลากรในองค์การเกิดความเข้าใจและอยากมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงจนแปลงร่างเป็นวัฒนธรรมองค์การได้ในอนาคต ซึ่งต้องอ้างอิงนิยาม หลักการของนักวิชาการฝรั่งและไทยเชิงวิชาการประกอบในภาษาที่ง่ายๆ เพื่อเข้าใจได้ง่าย
 ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=6tQX_E1xZhE
ดังนั้นในวันนี้จึงขอคุยผ่าน Clip เป็นการปูพื้นความเข้าใจอย่างง่ายๆ ก่อนจะอธิบายเชิงวิชาการในครั้งต่อๆ ไป 
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายเสื้อหลากสี 5 คน ที่ต้องขับเคลื่อนเกวียนบรรทุกชื่อ Struggle & Co. Inc. มุ่งขึ้นสู่ยอดเขา
uชายเสื้อสีฟ้า: เป็น “ยอดมนุษย์” พนักงาน หรือ Performer เป็นคนที่มีศักยภาพ รู้ว่าจะทำอะไร อย่างไร เพื่ออะไร เขาจะทุ่มเทและรับผิดชอบงาน เป็นกำลังสำคัญลากเกวียนมุ่งสู่ยอดเขาสุดกำลังความสามารถ เป็น Key-man สำคัญ ต่อมามีชายเสื้อม่วงมาช่วยผลักเกวียน ทำให้การขับเคลื่อนเกวียนดียิ่งขึ้น
vชายเสื้อสีม่วงมาช่วยผลักเกวียน: เขาเป็นเสมือน “ทายาท” หรือ Successor ที่มีไฟในการเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพตนเอง เต็มใจที่จะทำงานและปรับปรุงตันเองเพื่อเป็น “ยอดมนุษย์” พนักงานในอนาคต ต่อมามีชายเสื้อเขียวมานั่งในเกวียน ยิ่งทำให้เกวียนมีน้ำหนักมากขึ้น เขาจะช่วยหมุนล้อเกวียน (บางครั้ง)
wชายเสื้อสีเขียว: เป็นคนที่ มีประสิทธิภาพในการทำงานน้อย ยินดีที่จะช่วยทำงานบ้าง แต่ประสิทธิภาพในการทำงาน “มี” หรือ “ไม่มี” ไม่มีผลต่อผลงานโดยรวม ต่อมามีชายเสื้อแดง นั่งบนล้อเกวียน ทำให้การเคลื่อนที่ของเกวียนยากลำบากมากขึ้น
xชายเสื้อแดง: เป็น มนุษย์หน่วงสังคม หรือ” PTS: Potential Trouble Source คาดเดาได้ยาก เขาอาจช่วยหรือเป็นภาระอุปสรรคในการมุ่งสู่เป้าหมายขององค์การและทำให้การทำงานของคนในทีมยากยิ่งขึ้น ต่อมา มีชายเสื้อสีน้ำตาล มาดันท้ายเกวียนซึ่งน่าจะทำให้เกวียนเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นแต่ในความเป็นจริงชายคนนี้ ดึงท้ายเกวียนทำให้เกวียนแล่นได้ช้าลง และแกล้งคนที่ในทีมทำงาน
yชายเสื้อสีน้ำตาล: เป็น"มนุษย์สุดแสบ" หรือ 'SP: Suppressive Person เป็นเหมือนปลวกแทะรากต้นไม้ แต่สร้างภาพเสมือนดีเป็นภัยคุกคามองค์การมากที่สุด
ในขณะเดียวกัน มีเกวียนบรรทุก Working & Co. Inc.  ขับเคลื่อนด้วยแรงลากและผลักเกวียนของชาย 4 คน ที่แต่งชุดเหมือนกัน วิ่งผ่านเกวียน Struggle & Co. Inc. ไปฝุ่นตลบ ทั้งๆ ที่เกวียน Struggle & Co. In. ขับเคลื่อนมาก่อนตั้งนาน

ชายเสื้อฟ้า หยุดลากเกวียนทันที หันกลับมาพิจารณาพฤติกรรมการทำงานของทีมงาน เขาตัดสินใจไล่ชายเสื้อน้ำตาล หรือ SP ออกไปจากทีม 
จากนั้นปรับการทำงานของทีมใหม่ ชายเสื้อฟ้าลากเกวียน และมอบหมายงานให้ทีมงาน โดยให้ Successor ชายเสื้อม่วงและชายเสื้อเขียวช่วยลากและพยุงเกวียน และชายเสื้อแดงผลักเกวียน เพื่อให้เกวียนขับเคลื่อนไปได้
ในภาพสุดท้าย ชายเสื้อน้ำตาลได้กลับมาช่วยลากเกวียนและชายเสื้อหลากสีทั้ง 5 ใส่หมวกกันน็อคสีเดียวกัน คือทำงานอย่างมีระบบ มั่นคง ในภาระงานรับผิดชอบ มุ่งสู่เป้าหมายร่วมกันขององค์การอย่างมีประสิทธิภาพ  เกวียนเปลี่ยนชื่อเป็น NO STRUGGLE & CO. INC  มุ่งสู่ยอดเขาได้ในที่สุด แม้จะไปถึงช้ากว่าเกวียน Working & Co. Inc ก็ตาม

.*... ...*.• ประเด็นฝาก  "คน" ควรต้องตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อรู้ปัญหา ความพร้อมของสังขาร สุขภาพ และ จะได้ "รักษา" "ดูแล" สุขภาพให้แข็งแรง..."องค์การ" ก็เช่นกันควรมีการ "วินิจฉัย" เพื่อจะได้สามารถพัฒนาองค์การเป็นองค์การสุขภาพดี ที่มีประสิทธิภาพต่อไป.*... ...*.•


   *¨ ..:* *.:*¨


 ครูพี่ตุ้ม 22-12-60
#OD #การพัฒนาองค์การ #องค์การประสิทธิภาพ

วันพุธที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ประกันสังคม...สวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปี

**จากประสบการณ์ทำงานด้านการบริหารทรัพยากรบุคลกว่า 20 ปี ค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลของพนักงานเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง  และหากจะควบคุมวงเงินคนไข้ใน (IPD) คนไข้นอก (OPD) ไม่ว่าบริษัทจะดูแลเองโดยตรง หรือจะใช้บริการบริษัทประกันสุขภาพ จะพบว่าวงเงินการใช้บริการต่อครั้งไม่เพียงพอกับค่ารักษาพยาบาลจริง หรือถ้าใช้เป็นโรงพยาบาล Contact จะพบปัญหาค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ควบคุมค่อนข้างยาก นอกจากนั้น บริษัทต้องจัดสวัสดิการตรวจร่างกายพนักงานประจำปีตามกฎหมาย  งบประมาณเป็นตัวเลข 6 หลัก หรือ 7 หลัก ขึ้นอยู่กับจำนวนพนักงาน

*ประมาณปี 2548 มีโอกาสทำงานกับบริษัทสิงคโปร์ ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร มีพนักงานประมาณ 6000 คน ซึ่งปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลสูงมาก และเป็นประเด็นที่สหภาพแรงงานขอให้บริษัทพิจารณาปรับขึ้นให้แก่พนักงานทุกปี เพราะพนักงานทำงานหนัก และอายุมากขึ้น ควรดูแลเรื่องสุขภาพมากขึ้น ในฐานะ HR ซึ่งเป็นหน่วยงานกลาง ต้องการให้พนักงานได้รับประโยชน์ ในขณะเดียวกัน บริษัทก็รับภาระได้ด้วย จึงพิจารณาใช้ประโยชน์จากประกันสังคม ซึ่งพนักงานและบริษัทต้องจ่ายเงินสมทบทุกๆ เดือนตามกฎหมายกำหนด  

ได้ปรึกษากับโรงพยาบาลเอกชนหนึ่ง แถวคลองหลวง ปทุมธานี เพื่อทำสัญญาการให้บริการรักษาพยาบาลแก่้พนักงาน โดยโรงพยาบาลจะใช้สิทธิประกันสังคมในการรักษาพยาบาลทั้งกรณีคนไข้นอก (ODP) และคนไข้ใน (IDP) ก่อน และเพิ่มสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่บริษัทจัดเป็นสวัสดิการการรักษาพยาบาลให้แก่พนักงาน เพื่อพนักงานได้รับบริการที่ดี และ บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลและวางแผนงบประมาณด้านนี้ได้ด้วย ในการบริหารจัดการ บริษัทให้รายชื่อพนักงานและรหัสพนักงานเป็น Soft File แก่โรงพยาบาล เพื่อโรงพยาบาลตรวจข้อมูลการใช้บริการของพนักงานนำส่งพร้อมกับการวางบิลทุกเดือน เพื่อ HR จัดเก็บเป็นข้อมูลการรักษาพยาบาล นอกจากนี้ รณรงค์ให้พนักงานเลือกทำประกันสังคมกับโรงพยาบาลนี้ และจัดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ ของโรงพยาบาลจะมาให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่พนักงาน และจัดนิทรรศการสุขภาพประชาสัมพันธ์ให้แก่พนักงานตามสถานการณ์ เช่น ป้องกันโรคฉี่หนู ไข้เลือดออก เป็นต้น สรุปผลลัพธ์ค่อนข้างดี พนักงานพึงพอใจ และบริษัทมีฐานข้อมูลค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลที่ชัดเจนนำมาวางแผนและบริหารจัดการได้

**และเมื่อต้นปี 2560 ประกันสังคม ได้เพิ่มสวัสดิการด้านสุขภาพที่สำคัญ 2 รายการ คือ ค่าทำฟันตามวงเงินโดยไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน และการตรวจสุขภาพ ฟรี ซึ่งเป็นประเด็นที่บริษัทน่าจะใช้ประโยชน์นำไปลดงบประมาณการตรวจร่างกายประจำปีได้บ้าง โดยปรึกษากับโรงพยาบาลที่พนักงานส่วนใหญ่(หรือทั้งหมด ใช้เป็นโรงพยาบาลประกันสังคม) ตรวจสุขภาพพนักงานโดยใช้สิทธิประกันสังคมและจ่ายเฉพาะรายการที่ประกันสังคมไม่ได้ให้สิทธิ หรือให้พนักงานไปใช้สิทธิตรวจร่างกายกับสถานพยาบาลที่พนักงานเลือก และบริษัทจัดตรวจสุขภาพเพิ่มเติมเฉพาะรายการที่ประกันสังคมไม่ได้ให้สิทธิ **



ที่มา www.sso.go.th

..:* *.:*¨ ..:* *.:*¨
ครูพี่ตุ้ม 20-12-2560
#ตรวจสุขภาพประจำปี #ประกันสังคม #สวัสดิการ

วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เรื่องเล่า…ลิง และ วัฒนธรรมองค์การ

..ในปี 1967 G.R. Stephenson ได้ทดลองนำ “ลิง 5 ตัว” อยู่รวมด้วยกันในกรงใหญ่ ตรงกลางมีบันได และห้อยกล้วยไว้ ทุกครั้งที่มีลิงตัวใดปีนบันได จะมีน้ำเย็นเฉียบจากเพดานฉีดใส่ลิงที่เหลือจนหนาวสั่น เจ้าลิงก็พยายามจะขึ้นบันไดไปเอากล้วย ลิงทั้งหมดจึงเรียนรู้ว่า ถ้าตัวใดปีนขึ้นบันได พวกมันที่เหลือจะถูกน้ำเย็นเจี๊ยบฉีดใส่แน่ๆ ดังนั้นเมื่อลิงตัวใดพยายามปีน ลิงที่เหลือจะรุมยำทันที สุดท้ายไม่มีลิงตัวใดพยายามปีนขึ้นบันไดอีกเลย
.ต่อมา นำลิงออก 1 ตัว แล้วเอาลิงตัวใหม่แทนที่ ลิงใหม่ไม่รู้เรื่องอะไรวิ่งรี่ปีนบันไดทันที ลิงเก่าทั้ง 4 วิ่งเข้าไปรุมยำลิงใหม่ที่กำลังงุนงง ตีตรูทำไม สุดท้ายลิงตัวใหม่ก็ไม่กล้าปีนบันได
.ทดลองนำลิงเก่าออกอีกและใส่ลิงใหม่เข้าแทนที่ เหตุการณ์ยังคงเป็นเหมือนเดิม คือ ลิงใหม่ที่ปีนบันไดเมื่อใด ลิงเก่าจะรุมทำร้าย จนไม่เหลือลิงเก่าที่เคยโดนน้ำเย็นเจี๊ยบฉีดใส่เลย…แต่พฤติกรรมนี้กลายเป็น ธรรมเนียม หรือ กฎ “ห้ามปีนบันได” แม้ลิงที่อยู่ในกรงปัจจุบันไม่เคยโดนน้ำเย็นเจี๊ยบเลย และไม่รู้ด้วยว่า ทำไมห้ามปีนบันได (ที่มา Monkey Theory; Stephenson, G.R. (1967). Cultural acquisition of a specific learned response among rhesus monkeys. https://sites.google.com/site/foucaultmaryi/home/foucault-and-discourse)

นี่คือ...ที่มาของตัวอย่างวัฒนธรรมองค์การ (Corporate Culture) ที่พนักงานยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและพร้อมที่จะปกป้องอย่างรุนแรง แม้จะไม่สามารถอธิบายเหตุผลหรือที่มาที่ไปของการประพฤติและการปฏิบัติก็ตาม 

.วัฒนธรรมองค์การเกิดจาก ความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยม และความคาดหวังของ "คน" ที่รวมอยู่ในองค์การหรือหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งมีความแตกต่างกัน...เมื่อคนเข้าไปทำงานในองค์การใดก็จะได้รับการปลูกฝังให้ยึดถือแนวประพฤติปฏิบัติขององค์การ เช่น นิสัย หลักปฏิบัติ และสไตล์การทำงาน ที่เป็นลักษณะเฉพาะขององค์การหรือหน่วยงาน ซึ่งในที่สุดแล้วก็จะผสมผสานกันเป็นวัฒนธรรมองค์การ ที่มีรากฐานมาจากการปฏิบัติในอดีต ประเพณี กฎระเบียบทั้งที่จัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ และจารีตประเพณีปฏิบัติ ซึ่งบางเรื่อง คนรุ่นหลังๆ ไม่สามารถอธิบายที่มาได้ ว่าทำไมต้องปฏิบัติ...รู้แค่ว่า "เขาทำกันมานานแล้ว" 
⌐■- เราเคยทำงานท่ามกลางฝูงลิง...ที่ศูนย์ฝึกอบรมของโรงกลั่นน้ำมันที่อำเภอศรีราชา ห้องทำงานจะอยู่บนเนินเขา มองเห็นภูเขาซึ่งเต็มไปด้วย "ลิง" มักจะลงมาเดินสวนสนามที่ถนนและลานสนามหน้าตึกทำงาน และมีบางตัวที่เรียนรู้การปรับตัวเพื่อปากท้อง ปีนบนหลังคาแล้วมาเกาะหน้าต่างข้างโต๊ะทำงาน
มีแค่กระจกกั้น เรามักจะแอบให้กล้วย ส้ม จนน้องลิงเคยตัวมานั่งยิงฟันเหลืองดูเราทำงานทุกวัน ตอนหลังหาซื้อกล้วยไม่ได้ เราก็ให้สิ่งที่เรากินนั่นแหละ ทั้งขนม ลูกอม...เชื่อหรือไม่...ตอนหลัง ถ้าเรายื่น ผลไม้ และขนมให้พร้อมๆ กัน
...น้องลิง เลือก ขนม แทนผลไม้ (ก็มันอร่อยกว่าอยู่แล้วนี่) ลำดับแรก นี่คือการเรียนรู้ปรับเปลี่ยน พฤติกรรมของลิง 

ข้อคิดขอฝากไว้ องค์การควรทบทวนวัฒนธรรมองค์การที่เป็นสิ่งสำคัญของการประพฤติปฏิบัติของ "คน" ขององค์การ ว่า วัฒนธรรมที่มีมายาวนานนั้น เรื่องใดเป็น "จุดแข็ง" ที่ควรธำรงรักษา และเรื่องใดเป็น "อุปสรรค" กีดขวางการทำงาน ที่สมควรได้รับการแก้ไขปรับปรุงอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้น...คงไม่ต่างจากเรื่องลิง 5 ตัวนี้ 


<º))))><.·´¯`·.¯|¯ •·.·´¯`·.·• .·´¯`·.><((((º> 

ครูพี่ตุ้ม 17-12-60

#วัฒนธรรมองค์การ #ลิงห้าตัว #OD

วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เส้นทางหินศักดิ์สิทธิ์..ความเชื่อ ความหวัง และ วัฒนธรรมองค์กร

เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องจริง...เกิดในเขตมีนบุรี เมื่อประมาณ 6-7 เดือนที่ผ่านมาปีนี้ (2560)

เราเห็นรถโม่ทำปูนซิเมนต์หกบนพื้นถนน บริเวณแยกมีนบุรี และ มีผู้หวังดีตักไปกองไว้ใต้สะพานข้ามถนน เมื่อกองปูนแห้งเป็นทรงภูเขาเล็กๆ เราขับรถผ่านไป-มา หลายสัปดาห์ ไม่เห็นมีหน่วยงานหรือใครกระเทาะกองหินออกไป วางเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้น และกลายเป็นที่ทิ้งพวงมาลัยแห้งที่แม่ค้าขายช่วงติดไฟแดงนำมาห้อยทิ้งที่กองซิเมนต์นี้ เราคิดเล่นๆ ถ้ามีใครอุตริหาผ้า 7 สีมาผูก และวางกระถางธูปเสียหน่อย คงจะขลังน่าดู

ไม่น่าเชื่อ...
ในสัปดาห์ถัดไป เราเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีขวดน้ำแดงมาวางรอบหิน และมีธูปปักไว้ด้วย น่าจะมีคนมาขอพรและสมหวัง

อาทิตย์ถัดมาเราต้องผ่านเส้นทางนี้อีก คราวนี้เห็นมีผ้า 7 สี มาพันรอบหิน และมีหัวหมูต้ม (ตอนแรกนึกว่าตาฝาด) ใส่ถุงมาวางไว้ และจำนวนขวดน้ำแดงเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน ยังคงมีพวงมาลัย ดอกดาวเรือง น้ำแดง น้ำ นม วางรอบหินก้อนนี้
จากปูนซิเมนต์เหลว ผูกกับความเชื่อที่แฝงด้วยความหวัง และความสมหวัง หินก้อนนี้น่าจะเติบโตเป็นหินศักดิ์สิทธิ์เต็มตัวแล้ว

เมื่อเดือนที่แล้ว (พฤศจิกายน 2560)  เราเพิ่งสังเกตว่าหินก้อนนี้เล็กลง (เข้าใจเอง) ว่า คงมีใครสะกัดเอาไปเป็นวัตถุมงคล? ...จากความเชื่อ-ความหวัง ปากต่อปากสื่อสารกัน ถึงความสมหวังที่ได้รับ ..จะกลายเป็น ความศรัทธา??

 ณ วันนี้ คิดว่าค่อนข้างยาก ที่ใครจะไปกระเทาะหินกองนี้ทิ้ง เพราะได้กลายเป็น หินศักดิ์สิทธ์ที่มีความเชื่อ ความหวังของกลุ่มคนที่ศรัทธา แม้ไม่รู้ (ไม่สนใจ) ที่มาของหินศักดิ์สิทธิ์กองนี้

สิ่งที่น่าคิด จากเส้นทางหินศักดิ์สิทธิ์ 
หากผู้บริหารสามารถสร้าง ความเชื่อ ความหวัง ความศรัทธา ให้กับสมาชิก ตามค่านิยมที่ดีที่เป็นแนวทางขององค์การได้แบบเดียวกับความกองหินนี้ จะส่งผลต่อ
พฤติกรรมการทำงาน การอยู่ร่วมกันของสมาชิกที่เป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างความสำเร็จหรือความล้มเหลวขององค์การ ซึ่งเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ...การสร้างและพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำเพื่อให้องค์การเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง เพราะ

ความเชื่อ: เป็นขั้นตอนแรกที่จะทำให้ "คน" เข้ามารวมกัน มีแนวคิดเช่นเดียวกัน และ "พร้อม" จะปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน หรือ สื่อสารให้เข้าใจในทางเดียวกัน

ความศรัทธา: เป็นผลจากการพิสูจน์รู้ด้วยตนเองว่าแนวคิด หรือ หลักการนั้นๆ ส่งผลต่อตัวบุคคลนั้นๆ จากประสบการณ์จริงที่เริ่มจากการ รับรู้ การเชื่อ เข้าใจ ปฏิบัติจริง เห็นผลจริง ได้รับผลกระทบจริง ก่อให้เกิด..."ศรัทธา"

เชื่อว่า ...ทุกองค์การทั้งภาครัฐและเอกชนต้องการให้ "คนขององค์การ" เข้าใจเป้าหมายขององค์การในทิศทางเดียวกัน และคิด ปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลลัพธ์บรรลุเป้าหมายขององค์การ

ดังนั้น องค์การควรเริ่มจากการ "สร้างความเชื่อ" ที่่สื่อสารสร้างความเข้าใจให้กับ "คนขององค์การ" ตั้งแต่ก้าวแรกของการเป็นสมาชิกขององค์การ คือ "การปฐมนิเทศ"

การกำหนด กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร การตอบรับ(การสำรวจความคิดเห็น)

ของพนักงานเป็นเพียงการรับฟัง ซึ่งอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้

จากความเชื่อขององค์การ ...ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปสู่การปฏิบัติที่เป็นตัวอย่างให้เป็นรูปธรรม และจะต้องเป็นความเชื่อที่ยั่งยืน พัฒนาต่อเนื่องจนถึง "สร้างความศรัทธา" เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้ด้วยตนเองให้กับพนักงาน เพื่อให้เข้าใจว่าพฤติกรรมการประพฤติปฏิบัติจะส่งผลดีต่อตนเองและองค์การอย่างไร และ/หรือปรับเปลี่ยนให้องค์การเข้มแข็งได้อย่างไร
·
(¯`°.•°•.* * .•°•.°´¯)*¤°·(¯`°.•°•.* * .•°•.°´¯)*¤°

ครูพี่ตุ้ม 11-12-2560
#วัฒนธรรมองค์การ #ความเชื่อ #ค่านิยม