วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ให้ออก...ลาออก...ไม่อยากออกแล้ว????




การสรรหาคนที่คิดว่า ”ใช่” มาทำงาน ก็ว่ายากแล้ว พอได้คนมาทำงานก็ยากยิ่งกว่าที่จะบริหารให้ทำงานตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะสาเหตุเพราะ “ตัวของพนักงานเอง” หรือ “ระบบงานและสิ่งแวดล้อมการทำงาน” ที่ทำให้พนักงาน “ทนอยู่” หรือ “อยู่ทน” และ/หรือจบด้วยการ “บริษัทให้ออก” หรือ “พนักงานลาออกเอง”

“บริษัทให้ออก” หรือ “พนักงานลาออกเอง”  กฎหมายแรงงานไม่ได้กำหนดรูปแบบไว้ชัดเจนว่าต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรหรือต้องมี Format หนังสือลาออกอย่างไร... ⌐■- แต่ กฎหมายจะดูที่ “เจตนา” เป็นหลัก ⌐■-
ใน พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน มาตรา 17 ….ในกรณีสัญญาจ้างไม่มีกำหนดระยะเวลา นายจ้างหรือลูกจ้างอาจบอกเลิกสัญญาโดยบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ ในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวหนึ่งคราวใด เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเกิน 3 เดือน และกำหนดเงื่อนไข/วงเงินการจ่ายเงินชดเชย กรณี “บริษัทให้ออก” หรือ “เลิกจ้าง ตามมาตรา 118 และ มาตรา 119 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ซึ่งก็ชัดเจนเพียงพอที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ทั้ง “ให้ออก” หรือ “ลาออก” แต่ในทางปฏิบัติซึ่งเคยพบเห็นในการทำงานที่ผ่านมา มี “ปัญหา” และ เป็นประเด็นทางคดีความได้ด้วยเช่นกัน

uพนักงานแจ้งลาออก...แต่บริษัทไม่อนุมัติการลาออก??
สำหรับ “ลูกน้องในฝัน” หัวหน้าเสียดายไม่อยากให้พนักงานลาออก มักจะประวิงเวลาไม่อนุมัติการลาออก ทำได้ไหม??? เมื่อถึงกำหนดพนักงานไม่มาทำงานแล้วเพราะถือว่าสัญญาสิ้นสุดตามเจตนาการลาออกแล้ว การที่บริษัทไม่อนุมัติให้ลาออกไม่มีผลแต่อย่างใด และบริษัทจะถือว่าพนักงานละทิ้งหน้าที่ไม่ได้

แต่ถ้าถึงกำหนดที่พนักงานแจ้งว่าจะลาออก หัวหน้ายังไม่ได้อนุมัติการลาออก พนักงานก็มาทำงานตามปกติ บริษัทก็จ่ายเงินเดือน/ค่าจ้างตามปกติ...เท่ากับสัญญาจ้างยังไม่สิ้นสุด และ เป็นการยกเลิก “การลาออก” โดยปริยาย
...แต่ต่อมา หัวหน้าเปลี่ยนใจ จะอนุมัติการลาออกใหม่ กรณีนี้ถือว่า บริษัทเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญา หรือ “เลิกจ้าง”ถ้าเลิกจ้างพนักงานโดยไม่มีความผิด ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่พนักงานตาม มาตรา 118 เพราะการบอกเลิกสัญญาของพนักงานได้ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้แล้ว

vพนักงานแจ้งลาออก...แต่บริษัทอนุมัติผลก่อนเวลาที่พนักงานแจ้ง??
 “การลาออก” เป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวของลูกจ้างเพื่อให้นายจ้างรับทราบการแสดงเจตนาในการลาออกของลูกจ้างตามข้อกำหนดหรือระเบียบของบริษัทเท่านั้น ...นายจ้างจะอนุมัติและให้มีผลทันทีก่อนวันที่ลูกจ้างกำหนดไม่ได้...เพราะทำให้ลูกจ้างเสียหาย ไม่ได้รับค่าจ้าง นายจ้างต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ลูกจ้างโดยจ่ายค่าจ้างนับจากวันที่ให้ลูกจ้างออกจนถึงวันที่ลูกจ้างกำหนดให้มีผลลาออก

wพนักงานแจ้งลาออก...แต่เปลี่ยนใจไม่ลาออก??
 หลักคือ ดูที่ “เจตนา” พนักงานแสดงเจตนาว่าจะลาออก จะมีผลตั้งแต่วันที่บริษัท/นายจ้างรับทราบการลาออกแล้ว เมื่อพนักงานเปลี่ยนใจไม่ลาออกภายหลัง ไม่สามารถล้างหรือถอนได้ แม้ว่าจะขอถอนการลาออกก่อนจะถึงกำหนดไว้ก็ตาม หากนายจ้างรับทราบและให้การลาออกนั้นมีผล สัญญาจ้างก็สิ้นสุดเมื่อถึงกำหนดทันที... เว้นแต่บริษัทไม่ถือผลการลาออกนั้น
เพิ่มอีกนิด
 ข้อv ป็นประสบการณ์ของตัวเอง ชนะคดี ข้อ wบริษัทที่เคยทำงานด้วย ชนะคดีพนักงานฟ้อง
(︶ ̄) ไม่อยากให้เกิดประเด็นทั้ง "พนักงาน" และ "บริษัท" ทุกปัญหาเปิดใจคุยกันเพื่อปรับแก้ไขการทำงานร่วมกัน...แต่ถ้า ปรับไม่ได้ก็ "จากกันด้วยดี" ด้วยใจสะอาดเป็นธรรม ไม่หวังประโยชน์จากอีกฝ่ายหรือกลั่นแกล้งแบบอธรรม พึงระลึก ทุกคนเป็น "พนักงาน" เหมือนกันหมด ต่างเพียงหัวโขนบ่งบอกยศฐาบรรดาศักดิ์ เท่านั้นเอง (︶ ̄
·.¸¸·´¯`·.¸¸.ஐ ...¤¸¸.·´¯`·.¸·...·.¸¸·´¯`·.¸¸.ஐ ...¤¸¸.
ครูพี่ตุ้ม 10-12-59
#HROD #Consultant

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ระบบ HR??? เพื่อ...เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์-ขอระบบคุณภาพ




⌐■- อาทิตย์ที่ผ่านมา...โชคดีมีลูกค้าติดต่อสอบถามการจัดทำ "ระบบ HR" เพื่อขอผ่าน ISO และ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET หรือ กลต.) เนื่องจากมีข้อกำหนดให้บริษัทต้องมีการจัดทำ "ระบบ HR" ...ถ้าต้องจัดทำกันเต็มระบบ เนื้อหางานจะประมาณการตามภาพ Human Resources Management System ข้างบน คงต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะขอผ่านระบบคุณภาพ หรือเข้าตลาดหลักทรัพย์ตามที่บริษัทตั้งเป้าหมายกันไว้

+++ในความเป็นจริง ทุกองค์การไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชนทั้งที่ไม่แสวงหากำไรและเป็นธุรกิจ จำเป็นต้องมีระบบการบริหารทรัพยากรบุคคล หรือ HR เพื่อดูแล "คน" ให้มีการพัฒนาศักยภาพ มีใจมุ่งมั่นในการสร้างผลงานที่ดีให้องค์การได้เติบโตก้าวหน้า +++

(⌐■_) หลายองค์การมีการกำหนดระบบ HR เชิงนโยบายเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน...แต่ ในทางปฏิบัติกลับเป็นอีกเรื่อง บางบริษัทมุ่งเน้นยอดขาย กำไร และพยายามบีบพนักงานโดยลดต้นทุนในการทำงานลง โดยไม่สนใจว่าจะส่งผลกระทบต่อการทำงานในภาพรวมอย่างไร..มุ่งแต่เพียงกำไร และมียอดขายสูงที่สุดก็พอแล้ว...

หากคิดด้วยเหตุและผลแล้ว...ผลงานไม่ได้มาจากการบริหารของผู้บริหาร แต่มาจากผลงานของพนักงานทุกคนทุกระดับขององค์การ ดังนั้น พนักงานจะต้องเข้าใจเป้าหมายใหญ่ร่วมกัน และเป้าหมายในความรับผิดชอบของตน และต้องมีความรู้ ทักษะ ความสามารถ หรือ ภาษาฮิต คือ Competency ในการสร้างผลงานตามที่ผู้บริหารต้องการ..และบุคลากรของบริษัทจะเป็นแบบนั้นได้ "ระบบ HR" นี่แหละคือตัวช่วย

“ระบบ HR” อะไรบ้างที่บริษัทต้องมีในการขอผ่านระบบคุณภาพ และ จดทะเบียน กลต. หลักๆ จากประสบการณ์การทำงาน คือ ฐานรากภาพ Human Resources Management System คือ 
¤  โครงสร้างองค์กร (Organizational Structure) ที่มีการกำหนดสายการบังคับบัญชาชัดเจน เป็นแผนภูมิองค์การ (Organization Chart) ระบุภารหน้าที่ คุณสมบัติของตำแหน่งงานเป็นรูปธรรม หรือ ใบกำหนดหน้าที่งาน (JD: Job Description) ที่ชัดเจน ดูดี มีชาติสกุล และถูกต้องตามหลักสากล (ระบุใน ISO9001 version ใหม่ ข้อ 5.3) ดูรายละเอียด https://sites.google.com/site/twotoneduosstudy/bthkhwam/sss ...แต่มักพบว่าไม่ตรงกับความเป็นจริงที่บริหารกันอยู่....
¤  ระบบการพัฒนาพัฒนาพนักงาน ตามความรู้ ทักษะที่จำเป็นตามตำแหน่งงาน (ระบุใน ISO9001 versionใหม่ ข้อ 7.2)    ...มักจะทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบ ให้แลดูดี และเก็บข้อมูลไว้ตรวจสอบตามข้อกำหนดของระบบ... แต่ไม่เคยนำมาปรับใช้จริงกับการทำงานของบริษัทเลย
สำหรับข้อกำหนดตลาดหลักทรัพย์ "ระบบ HR" อยู่ในหมวดการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) แนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคล ดูรายละเอียด
 http://www.set.or.th/th/products/listing2/set_business_p1.html

  จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา "ระบบ HR" ทำขึ้นมาเพื่อให้มีการตรวจสอบ หรือ Audit ตามข้อกำหนดของระบบคุณภาพหรือตลาดหลักทรัพย์ เพียงอย่างเดียว บ่อยครั้งที่ลูกค้าบอกว่า “ไม่ต้องทำให้ยุ่งยาก แค่ให้มี และ ตรวจสอบผ่านก็พอแล้ว...และหลายบริษัทไม่ได้นำ "ระบบ HR" ที่ทำมาใช้จริงหรือต่อยอดให้ "ระบบ HR สมบูรณ์ ซึ่งน่าเสียดาย เพราะบริษัทต้องเสียเวลาและงบประมาณจัดทำเพื่อให้ผ่านระบบคุณภาพหรือเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว...น่าจะทำกันอย่างจริงจังเพื่อประโยชน์ของ “คน” ปัจจัยสำคัญและมีคุณค่ายิ่ง นำมาซึ่งความสำเร็จ ความก้าวหน้า และความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์การ

·(¯`°.•°•.* *·(¯`°.•°•.* *·(¯`°.•°•.* *

ครูพี่ตุ้ม 6-12-16
#HROD #Consultant

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ยิ่งกว่าซุปเปอร์แมน...More than Superman

ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=frmTFezxMX4&t=1s

Superman is my favorite hero

ซุปเปอร์แมนคือฮีโร่คนโปรดของฉัน
I believe that... Superman is a symbol for all the goodness in the world

ฉันเชื่อว่า...
ซุปเปอร์แมนคือสัญลักษณ์
ของความดีงามทั้งหมดบนโลก
The man who lives for others
ชายผู้มีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น
The man who would go through hell for a little girl

ชายผู้ยอมเผชิญกับอันตรายเพื่อช่วยเด็กสาวคนหนึ่ง
But.. I never believed that there is a man as good as Superman
แต่..ฉันไม่เคยเชื่อหรอกว่า
จะมีคนที่ดีเหมือนซุปเปอร์แมน

Superman is just fantasy

ซุปเปอร์แมนมันก็แค่นิยาย

Until.. found this one man.  The man who is greater than Superman.  The man who truly lived for others


จนกระทั่ง..ฉันได้เจอกับ   ชายคนหนึ่ง ชายที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าซุปเปอร์แมน 
ชายที่ใช้ชีวิตของตนเพื่อคนอื่นอย่างแท้จริง
His heart beats for his people.  
 He doesn’t’ have any super powers
หัวใจของชายคนนั้นเต้นเพื่อคนของเขา 
ชายคนนั้นก็ไม่ได้มีพลังวิเศษอะไรเลย
And.. this man is King Bhumibol the Great
และ..ชายคนนั้นก็คือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

Imagine..
you are the king.  Would you sacrifice your privileged life and leave the comfort zone for the sake of others?  For over 70   decades?

ลองจินตนาการดูสิ..
ถ้าคุณได้เป็นพระราชา 
คุณจะยอมละทิ้งชีวิตอันหรูหรา..ละทิ้งความสบาย
มาช่วยประชาชน? นานกว่า 70 ปี ไหม?

He worked so hard, just to make sure that his people have a better life.

พระองค์ทรงงานอย่างยากลำบากเพื่อความสุขของปวงประชา

No matter how hard the work was, he never gave up

ไม่ว่างานนั้นจะยากเย็นเพียงใดพระองค์ไม่เคยย่อท้อ

Even when he was sick or tired, Thai people came first

แม้ว่าจะทรงประชวรหรือทรงเหนื่อยยากเพียงใด ความสุขของประชาชนคนไทยจะมาก่อนเสมอ

He is the greatest man I have ever Known

พระองค์คือชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันได้รู้จัก

I hope..
his life will teach you that a superhero isn’t a man with great powers, rather a man with great heart.

ฉันหวังว่า..
เรื่องราวนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนได้รู้ว่าซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่คนที่มีพลังวิเศษมากมายมหาศาล แต่เป็นคนที่มีหัวใจที่แสนวิเศษ

I may not come from the greatest country, but.. I am very proud to say I have live in the country with the greatest King.

'゚・..:* *.:*'゚・..:* *.:*¨
#HROD #Consultant

ฉันอาจจะไม่ได้มาจากประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 
แต่..ฉันภูมิใจและพูดได้เต็มปากว่าฉันอยู่ในประเทศนี้กับพระราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด



 ..:* *.:*¨ ..:*