วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

พี่สาวของผม

()พี่สาวของผมชื่อ "เอย" เกิดหลังท่านสุนทรภู่ 1 วัน แต่ห่างกัน 205 ปี ที่โรงพยาบาลพญาไท และครอบครัวเราเกือบเสียแม่ไป เช่นเดียวกับคลอดผม 

แม่เล่าว่า "..เช้ามืดประมาณตีสี่ ในวันสุนทรภู่ แม่รู้สึกปวดท้องหน่วงๆ หลังจากที่พี่สาวของผมอยู่ในท้องนานเกือบ 10 เดือน จนสูตินารีแพทย์ คุณหมอวินิจ บอกว่า "ลูกจะสร้างบ้านในท้องแม่มั๊ง... ให้หมั่นฟังเสียงเต้นของหัวใจลูก..." 

หลังวันเกิดท่านสุนทรภู่ แม่เจ็บท้อง คุณยายดูอาการบอกว่าสงสัยจะคลอด...คุณตาขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลรามาธิบดี คอยจนได้เตียง เปลี่ยนชุดโรงพยาบาล และบอกว่าจะแวะมาหาตอนเย็นหลังไปว่าความที่ศาลฉะเชิงเทรา มีคุณยายไปเป็นเพื่อนด้วย

ตั้งแต่เช้า... แม่นอนฟังเสียงพยาบาลช่วยเชียร์เตียงข้างๆ เบ่ง แทบจะคลอดตาม... ฟังจนหลับ ตื่นอีกทีอาจารย์หมอพร้อมนักศึกษาแพทย์อีก 3 คน มาตรวจขอดูช่องคลอดว่าขยายแล้วหรือยัง...ผ่านไป 1 ชุด นอนฟังทีมคุณพยายาบาลเชียร์คนไข้ให้คลอดลูกต่อจนผลอยหลับไป ...ตื่นครั้ง...ผวาเลย..มี อาจารย์หมอมาพร้อมกับนักศึกษาแพทย์อีกชุด ขอตรวจช่องคลอดอีกแล้วววว!!!

·(¯`°.•°เที่ยงกว่า... คุณพยาบาลมาบอกว่า ปากมดลูกไม่เปิดให้กลับบ้าน อ้าว!! จะกลับได้ยังไง เสื้อผ้าคุณตาเก็บกลับไปเรียบ ตังค์ก็ไม่มี เพราะคิดว่าต้องคลอดวันนี้แน่ๆ ...น้าสะใภ้ทำงานที่นี่แต่ติดเข้าเวรไปส่งไม่ได้ จึงขอยืมผ้าถุงแม่บ้านโรงพยาบาลและเสื้อนักศึกษาแพทย์ให้ใส่ (อย่าพยายามจินตนาการสภาพหน้าผมเป็นอย่างไร?) ...เรียกแท๊กซี่ให้ไปส่งที่บ้าน จ่ายเงินปลายทาง

 ...เกือบ 2 โมงเย็น ถึงสุขุมวิท 103 แม่รู้สึกมีเลือดไหลออกมา... แม่บอกให้คุณแท๊กซี่ขับกลับไปที่โรงพยาบาลรามาอีกครั้ง ไปถึงประมาณ 4 โมงกว่า มีแต่แพทย์เวร คุณหมอที่ฝากครรภ์กลับไปแล้ว คุณแท๊กซี่ใจดีมากขับรถกลับไปส่งที่บ้านซอยสุขุมวิท 103 ...จ่ายเงินเรียบร้อย เข้าบ้าน แต่...ไม่มีใครอยู่เลย แม่เพลียมากจึงงีบหลับไป

 °´¯)*¤°•...เกือบสองทุ่ม ได้ยินเสียงคุณยายโวยวายร้องเรียกคุณตาเสียงลั่น และ เข้ามาเช็ดตัวถามว่าเป็นอะไร  เลือดนองเต็มที่นอน หน้าซีดเป็นกระดาษ จำไม่ได้ว่าตอบอะไรเพราะเหนื่อยเหลือเกิน 

คุณตาและคุณยายโทรหาคุณหมอวินิจ สั่งให้พาไปโรงพยาบาลพญาไท 2 ทันที คุณตาและคุณยายพาแม่ไปโรงพยาบาลพญาไท 3 ทุ่มกว่า...แม่เล่าต่อว่า "...พอไปถึง คุณพยาบาลไม่ฟังเรื่องราว พาแม่ไป "บวชชี" สักพักหัวหน้าพยาบาลถามว่า รายนี้คุณหมอจะผ่าตัดไม่ได้คลอด...แต่คุณพยาบาลก็ "บวชชี" แม่เรียบร้อยไปแล้ว

(◡‿◡✿) คุณหมอบล๊อกหลังเตรียมผ่า แม่รู้สึกตัวตลอด แม่เล่าว่า "...แม่นอนมองภาพสะท้อนจากหลอดไฟห้องผ่า จึงได้อารมณ์มั้งเสียงมีดกรีดเนื้อ และ เห็นภาพสะท้อน แต่ไม่เจ็บ สักพักคุณพยาบาลสังเกตว่าแม่นอนมองดูอะไร จึงขึงผ้ากั้นไม่ให้เห็นภาพ แม่จึงไม่ได้ลุ้นพี่สาวออกมาชมโลก...จนได้ยินเสียงคุณหมอบอกพยาบาล... เด็กออกมาแล้ว แต่ก็แปลกใจ ทำไมไม่ได้ยินเสียงเด็กร้อง ยังไม่ทันจะถาม ได้ยินเสียงคุณหมอสั่งการคุณพยาบาลให้เตรียมตู้อบ และอะไรอีกมากมาย เพราะเด็กตัวเขียว ไม่หายใจเอง และหนักแค่ 2 กิโลกว่าๆ ตัวเล็กมาก..คุณหมอบอกว่าเป็นลูกสาว ครบ 32 แต่ อ่อนแอต้องให้อยู่ในตู้อบดูอาการก่อน 

*:*.*:*.แม่ตั้งชื่อพี่ "รัตมา"...ที่มาของชื่อ แม่ของผมนิยมความเป็นไทย ต้องการตั้งชื่อลูกเป็นไทยแท้ๆ ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น รู้ว่าเป็นลูกสาวหลายเดือน สรรหาชื่อดอกไม้ไทย
...แต่แม่ของผม คิดบ๊องๆ ไปไกลอีก กลัวว่าถ้าตั้งชื่อดอกไม้สวยหรู เช่น ราชาวดี บุหงาส่าหรี ฯลฯ แล้ว...แล้วถ้าลูกสาวหน้าตาประพิมประพายคล้ายพ่อ...เกรงจะถูกล้อตอนโตเป็นสาว จึงเลือกดอกไม้ไทย สีเหลืองคล้ายต้นหลิวที่ปลูกที่สวนหลวง ร.9 ที่แม่ชอบมาก "รัตมา" ที่มีความงดงามในตัวเอง และ ชื่อเล่น คือ"เอย" ด้วยเหตุผลมีคนเดียวก็พอแล้ว

(◕‿◕✿พี่เอยต้องอยู่ในตู้อบที่โรงพยาบาลเกือบเดือน พี่เอยดื่มนมแม่เกือบ 1 ปี โตวันโตคืน แก้มยุ้ย ไม่เหลือเค้าแรกเกิดหนัก 2 กิโลกว่าเลย...และแม่ต้องควงกระบี่เปิดศึกต่อสู้หลายทางกับผู้สูงวัยทุกคนในบ้านไม่ว่าจะเป็น คุณย่า คุณยาย คุณทวดในการเลี้ยงดูลูก...เพราะแม่ของผมบ๊องและมีความคิดแปลกๆ ไม่เหมือนใคร '゚・..:* *.:*'゚・..:* *.:*.°´¯)*¤°•


ครูพี่ตุ้ม (12-9-16)

#เล่าเรื่อง #ลูก





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น