วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

หลักสูตรวิธีการสร้างและจัดการโครงสร้างเงินเดือน ภาคปฏิบัติ (Salary Structure Design and Salary Slotting)


 (◡‿◡✿) (◕‿◕✿ ขอแจ้งข่าวคราว...หลักสูตร วิธีการสร้างและจัดการโครงสร้างเงินเดือนภาคปฏิบัติ (Salary Structure Design and Salary Slotting) ที่ทาง BLCI  กำหนดจัดในวันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2559  ที่โรงแรม Grand Mercure Bangkok Fortune พระราม 9 และแจกเล่มสำรวจค่าตอบแทนปี 2559/2560 ด้วยนั้น 
...ทาง BLCI แจ้งว่ายังเหลือที่ให้ผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาประมาณ 10 ท่าน หากท่านใดสนใจ...โทรสำรองที่นั่งได้ที่ BLCI  โทร 029373770 หรือ ส่งอีเมล์ไปที่ somkuan@blcigroup.com และ  nunthida.jai@hotmail.com 


...หลักสูตรนี้จะแนะนำวิธีดูข้อมูลรายงานสำรวจค่าตอบแทน และการนำข้อมูล (Job Benchmark) มาใช้จัดทำโครงสร้างเงินเดือน (Salary Structure) และทำ Salary Slotting เพื่อพิจารณาสถานภาพของพนักงานที่จ่ายปัจจุบัน 'Over Pay' หรือ 'Under Pay'  และการบริหารจัดการพนักงานเข้าโครงสร้างเงินเดือนด้วยวิธี "การเรียนไป ทดลองทำกันไป"  (Learning by Doing) ผู้เรียนจะได้เข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้หรือบริหารจัดการได้จริง



+++ทาง BLCI ลด 10% หากบริษัทส่งผู้เข้าร่วมสัมมนา 2 ท่าน +++
หากท่านใดสนใจ สำรองที่นั่งที่ 029373770 หรือ ส่งอีเมล์ไปที่ somkuan@blcigroup.com และ  nunthida.jai@hotmail.com 
---เนื่องจากการประชาสัมพันธ์กระชั้นชิด และอาจจะ Pay In ผ่านทางธนาคารไม่ทัน สามารถจ่ายเงินหน้างานได้ค่ะ---


«·´`·.(`·.¸ ¸.·´).·´`·» ׺°"˜`"°º× ׺°"˜`"°º× »-(¯`v´¯)-» 

ครูพี่ตุ้ม 16-9-2559
#HROD #Compensation

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

พี่สาวของผม

()พี่สาวของผมชื่อ "เอย" เกิดหลังท่านสุนทรภู่ 1 วัน แต่ห่างกัน 205 ปี ที่โรงพยาบาลพญาไท และครอบครัวเราเกือบเสียแม่ไป เช่นเดียวกับคลอดผม 

แม่เล่าว่า "..เช้ามืดประมาณตีสี่ ในวันสุนทรภู่ แม่รู้สึกปวดท้องหน่วงๆ หลังจากที่พี่สาวของผมอยู่ในท้องนานเกือบ 10 เดือน จนสูตินารีแพทย์ คุณหมอวินิจ บอกว่า "ลูกจะสร้างบ้านในท้องแม่มั๊ง... ให้หมั่นฟังเสียงเต้นของหัวใจลูก..." 

หลังวันเกิดท่านสุนทรภู่ แม่เจ็บท้อง คุณยายดูอาการบอกว่าสงสัยจะคลอด...คุณตาขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลรามาธิบดี คอยจนได้เตียง เปลี่ยนชุดโรงพยาบาล และบอกว่าจะแวะมาหาตอนเย็นหลังไปว่าความที่ศาลฉะเชิงเทรา มีคุณยายไปเป็นเพื่อนด้วย

ตั้งแต่เช้า... แม่นอนฟังเสียงพยาบาลช่วยเชียร์เตียงข้างๆ เบ่ง แทบจะคลอดตาม... ฟังจนหลับ ตื่นอีกทีอาจารย์หมอพร้อมนักศึกษาแพทย์อีก 3 คน มาตรวจขอดูช่องคลอดว่าขยายแล้วหรือยัง...ผ่านไป 1 ชุด นอนฟังทีมคุณพยายาบาลเชียร์คนไข้ให้คลอดลูกต่อจนผลอยหลับไป ...ตื่นครั้ง...ผวาเลย..มี อาจารย์หมอมาพร้อมกับนักศึกษาแพทย์อีกชุด ขอตรวจช่องคลอดอีกแล้วววว!!!

·(¯`°.•°เที่ยงกว่า... คุณพยาบาลมาบอกว่า ปากมดลูกไม่เปิดให้กลับบ้าน อ้าว!! จะกลับได้ยังไง เสื้อผ้าคุณตาเก็บกลับไปเรียบ ตังค์ก็ไม่มี เพราะคิดว่าต้องคลอดวันนี้แน่ๆ ...น้าสะใภ้ทำงานที่นี่แต่ติดเข้าเวรไปส่งไม่ได้ จึงขอยืมผ้าถุงแม่บ้านโรงพยาบาลและเสื้อนักศึกษาแพทย์ให้ใส่ (อย่าพยายามจินตนาการสภาพหน้าผมเป็นอย่างไร?) ...เรียกแท๊กซี่ให้ไปส่งที่บ้าน จ่ายเงินปลายทาง

 ...เกือบ 2 โมงเย็น ถึงสุขุมวิท 103 แม่รู้สึกมีเลือดไหลออกมา... แม่บอกให้คุณแท๊กซี่ขับกลับไปที่โรงพยาบาลรามาอีกครั้ง ไปถึงประมาณ 4 โมงกว่า มีแต่แพทย์เวร คุณหมอที่ฝากครรภ์กลับไปแล้ว คุณแท๊กซี่ใจดีมากขับรถกลับไปส่งที่บ้านซอยสุขุมวิท 103 ...จ่ายเงินเรียบร้อย เข้าบ้าน แต่...ไม่มีใครอยู่เลย แม่เพลียมากจึงงีบหลับไป

 °´¯)*¤°•...เกือบสองทุ่ม ได้ยินเสียงคุณยายโวยวายร้องเรียกคุณตาเสียงลั่น และ เข้ามาเช็ดตัวถามว่าเป็นอะไร  เลือดนองเต็มที่นอน หน้าซีดเป็นกระดาษ จำไม่ได้ว่าตอบอะไรเพราะเหนื่อยเหลือเกิน 

คุณตาและคุณยายโทรหาคุณหมอวินิจ สั่งให้พาไปโรงพยาบาลพญาไท 2 ทันที คุณตาและคุณยายพาแม่ไปโรงพยาบาลพญาไท 3 ทุ่มกว่า...แม่เล่าต่อว่า "...พอไปถึง คุณพยาบาลไม่ฟังเรื่องราว พาแม่ไป "บวชชี" สักพักหัวหน้าพยาบาลถามว่า รายนี้คุณหมอจะผ่าตัดไม่ได้คลอด...แต่คุณพยาบาลก็ "บวชชี" แม่เรียบร้อยไปแล้ว

(◡‿◡✿) คุณหมอบล๊อกหลังเตรียมผ่า แม่รู้สึกตัวตลอด แม่เล่าว่า "...แม่นอนมองภาพสะท้อนจากหลอดไฟห้องผ่า จึงได้อารมณ์มั้งเสียงมีดกรีดเนื้อ และ เห็นภาพสะท้อน แต่ไม่เจ็บ สักพักคุณพยาบาลสังเกตว่าแม่นอนมองดูอะไร จึงขึงผ้ากั้นไม่ให้เห็นภาพ แม่จึงไม่ได้ลุ้นพี่สาวออกมาชมโลก...จนได้ยินเสียงคุณหมอบอกพยาบาล... เด็กออกมาแล้ว แต่ก็แปลกใจ ทำไมไม่ได้ยินเสียงเด็กร้อง ยังไม่ทันจะถาม ได้ยินเสียงคุณหมอสั่งการคุณพยาบาลให้เตรียมตู้อบ และอะไรอีกมากมาย เพราะเด็กตัวเขียว ไม่หายใจเอง และหนักแค่ 2 กิโลกว่าๆ ตัวเล็กมาก..คุณหมอบอกว่าเป็นลูกสาว ครบ 32 แต่ อ่อนแอต้องให้อยู่ในตู้อบดูอาการก่อน 

*:*.*:*.แม่ตั้งชื่อพี่ "รัตมา"...ที่มาของชื่อ แม่ของผมนิยมความเป็นไทย ต้องการตั้งชื่อลูกเป็นไทยแท้ๆ ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น รู้ว่าเป็นลูกสาวหลายเดือน สรรหาชื่อดอกไม้ไทย
...แต่แม่ของผม คิดบ๊องๆ ไปไกลอีก กลัวว่าถ้าตั้งชื่อดอกไม้สวยหรู เช่น ราชาวดี บุหงาส่าหรี ฯลฯ แล้ว...แล้วถ้าลูกสาวหน้าตาประพิมประพายคล้ายพ่อ...เกรงจะถูกล้อตอนโตเป็นสาว จึงเลือกดอกไม้ไทย สีเหลืองคล้ายต้นหลิวที่ปลูกที่สวนหลวง ร.9 ที่แม่ชอบมาก "รัตมา" ที่มีความงดงามในตัวเอง และ ชื่อเล่น คือ"เอย" ด้วยเหตุผลมีคนเดียวก็พอแล้ว

(◕‿◕✿พี่เอยต้องอยู่ในตู้อบที่โรงพยาบาลเกือบเดือน พี่เอยดื่มนมแม่เกือบ 1 ปี โตวันโตคืน แก้มยุ้ย ไม่เหลือเค้าแรกเกิดหนัก 2 กิโลกว่าเลย...และแม่ต้องควงกระบี่เปิดศึกต่อสู้หลายทางกับผู้สูงวัยทุกคนในบ้านไม่ว่าจะเป็น คุณย่า คุณยาย คุณทวดในการเลี้ยงดูลูก...เพราะแม่ของผมบ๊องและมีความคิดแปลกๆ ไม่เหมือนใคร '゚・..:* *.:*'゚・..:* *.:*.°´¯)*¤°•


ครูพี่ตุ้ม (12-9-16)

#เล่าเรื่อง #ลูก





วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

เมื่อเป็นเด็กเล็กๆ




 เมื่อตอนผมเกิดที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ในวันเอดส์โลก
บ้านเราเกือบเสียแม่ไป หมอผ่าท้องแม่ ดึงผมออกมา แต่เหมือน..สายรก..กลัวผมจะเกินหน้าที่บังอาจโผล่ไปชมโลกก่อน... กระชากผมกลับเข้าไปในพุงแม่อีกครั้ง

แม่เล่าว่า "...เพิ่งรู้ว่าอาการหน้าเขียว หายใจไม่ออก เห็นดาวตอนกลางวันเป็นอย่างไร.." หมอต้องให้อ๊อกซิเจน ให้เลือดแม่ และจัดการคีบผมออกมาอีกครั้ง หลักฐานที่ทิ้งไว้ให้ผม คือ ซี่โครงผมด้านขวามีรอยบุ๋มลึกเหมือนเด็กพิการ เห็นชัดเมื่อไม่ใส่เสื้อ

แม่ตั้งชื่อผมว่า "ศมา" ไม่ต้องดูฤกษ์ใดๆ เพราะแม่ชอบชื่อพระเอกเรื่องพระจันทร์แดง "หมอสมา" ชื่อเล่นเกิดจากที่แม่นึกว่าหมอทำหมันหลังคลอดพี่สาวชื่อ "เอย" เป็นคำลงท้ายของสักวา นั่นคือจบ  มีคนเดียวก็พอแล้วทั้งๆ แม่รักเด็กมาก แต่ไม่ชอบท้อง เพราะมีปัญหาเวลาคลอด พอหมอบอกว่าท้อง แม่ร้องว่า "อ๋อ" ท้องอีกแล้ว? ผมจึงมีชื่อเล่นว่า "อ๋อ"

แม่คลอดผมได้เพียง 5 วัน เราสองแม่ลูกเป็นอีสุกอีใสทั้งคู่ เหมือนลูกยอเน่าๆ 2 ผล คุณยายจึงแยกผมไปให้ป้าเก็บ คนแก่ใจดีในหมู่บ้านเลี้ยง และ ส่งพี่สาวผมให้ยายทวดดูแล ช่วงที่แม่และผมป่วย เพราะเกรงว่าพี่สาว จะติดอีสุกอีใสด้วย

...แต่ใครจะเชื่อ แม่ผมนี่ ความคิดบ๊องสุดๆ จริงๆ แม่ไปรับผม และ พี่กลับมานอนคลุกอยู่ด้วยกัน ไม่สนใจใครจะห้าม แม่ให้เหตุผลว่า "...ให้เอยเป็นไข้อีสุกอีใสตั้งแต่เด็กๆ จะได้ไม่มีแผลเป็นตอนโตเป็นสาว...สรุป มีลูกยอเน่า 3 ผล นอนเรียงกันในห้องนอนร่วมเดือน กว่าจะทุเลา 

...ผมจึงไม่ได้กินนมแม่ โตมาด้วยนมกระป๋อง และเป็นหนุ่มลักยิ้มบุ๋มหล่อสุดในครอบครัวที่สาวสูงวัยทุกคนในบ้านต่างทำสงครามยื้อแย่งกันดูแล ไม่ว่าจะเป็นคุณยาย คุณย่า คุณทวด แม่บอกว่า ..อาจเพราะ ผมเป็นหลานชายคนแรกและคนเดียวของบ้าน 
แม่ทำงานที่บริษัท AT & T อ.บางปะกง และต้องเลี้ยงลูก 2 คน ในวัยไล่เลี่ยกันด้วย ...แม่จึงต้องฝึกลูกและตัวแม่เองให้เคยชินกับความเป็นอยู่ภาคบังคับนี้แบบกินง่าย อยู่ง่าย

..ตั้งแต่เตรียมนม ทุกๆ เช้า แม่ตื่นตี 4 ล้างขวดนมทั้งหมดให้สะอาด เข้าไมโครเวฟ และใส่น้ำต้มสุก ตั้งเรียงไว้เป็นตับ..ถึง เวลาให้นมแค่ใส่นมแล้วก็เขย่าเป็นอันเสร็จพิธี ผมและพี่กินนมอุณหภูมิน้ำปกติหรือเย็นได้ ไม่เคยต้องร้องไห้คอย แม่สาละวนชงนมกับน้ำร้อน และต้องคอยให้นมอุ่น 
...การเตรียมผ้าอ้อม แม่ก็หัดพับผ้าอ้อมแบบกางเกงซูโม่จากหนังสือรักลูก ใส่กระจาดผ้าไว้เป็นตั้งๆ หยิบใช้ได้ง่าย ปัจจุบันดูวิธีพับ จาก https://www.youtube.com/watch?v=7YW3OQLgcXM

แม่เตรียมกะละมัง 2 ใบ สำหรับแช่ผ้าอ้อมที่ใช้แล้ว แยกเปรอะหนัก และ เบา ก่อนจะล้างใส่เครื่องซักผ้าตอนค่ำ แม่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมๆ กัน ตี 5 ปลุกผมและพี่มานั่งหลับบนกระโถน กระโถนของผมสีฟ้าลายมิกกี้เม้าส์ ตั้งติดผนังห้องข้างที่นอน เพราะหัวทิ่มเป็นประจำจะได้ไม่เจ็บตัวกระโถนของพี่เอยสีเหลืองลายมิกกี้... แม่เปิดวีดิโอ เพลงเด็กภาษาอังกฤษให้ดู และชอบมานั่งพูดคนเดียว เพราะเราทั้งสองยังพูดไม่ได้ แม่จะเกาก้นเพื่อให้รู้สึกสบายจะได้ระบายหนักออกมาได้ 

...แม่เล่าว่า "...ผมเป็นตัวป่วนทุกเช้า ถ้าไม่หลับหัวทิ่มตกกระโถน ก็คลานลงจากกระโถน ไปนอนมองก้นพี่ที่นั่งปล่อยปู้ดๆ บนกระโถนอย่างสบายใจ...ฟังแล้วรู้สึกแขยง ผมจะขี้สงสัยอะไรขนาดนั้น??

 หลังจากนั้น แม่ก็อาบน้ำแต่งตัว ชงนมใส่เป้จับใส่กระเป๋าอุ้ม พี่เอยนั่งตักแม่ซ้อนมอเตอร์ไซด์ของน้า ไปส่งที่บ้านป้าเก็บ ที่แม่จ้างเป็นทางการให้ดูแลผมและพี่เอย จากนั้นแม่ก็ไปคอยรถหน้าห้าง December (ปิดกิจการแล้ว) ริมถนนบางนา-ตราด จะมารับผมและพี่กลับตอนค่ำๆ นี่คือวิถีชีวิตปกติในช่วงเช้าวันทำงานของแม่คือ วันจันทร์ - วันศุกร์


#เรื่องเล่า #ลูก




วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559

วิธีการสร้างและจัดการโครงสร้างเงินเดือน ภาคปฏิบัติ (Salary Structure Design and Salary Slotting)


 (◡‿◡✿) ก่อนจะเข้าเรื่อง “การบริหารค่าตอบแทน” ขอวกเข้ามาเรื่อง “การกำหนดค่าตอบแทน” ซึ่งเคยพูดถึงใน blog เรื่อง เงินเดือน...ค่าตอบแทน องค์ประกอบค่าตอบแทนมี 3 ตัว คือ 1) ค่าจ้างเงินเดือน (Wage-Salary) เป็นค่าตอบแทนที่นายจ้างต้องจ่ายให้แก่คนทำงาน 2) ค่าจูงใจ (Wage Incentive) เป็นค่าตอบแทนที่จัดเป็นพิเศษจูงใจให้คนทำงาน อยู่ทนและ ทำผลงานดีขึ้นเช่น การให้รางวัลพิเศษในการปฏิบัติงาน การเลื่อนตำแหน่ง และ 3) ประโยชน์เกื้อกูล (Fringe Benefit) เป็นค่าตอบแทนที่จัดเพื่อสนับสนุนให้มีการทำงานดีขึ้น หรือเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรู้สึกมั่นคงในการปฏิบัติงานกับองค์การ
()...องค์ประกอบค่าตอบแทนทั้ง 3 ตัว  “ค่าจ้างเงินเดือน (Wage-Salary) เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ (Fixed Pay) ที่นายจ้างต้องจ่ายประจำเดือนให้แก่คนทำงานไม่ว่าจะสร้างผลงานหรือไม่สร้างผลงานก็ตาม และค่าจ้างเงินเดือน ไม่สามารถ “ลด” ลงได้ (ตามกฎหมายแรงงาน) แต่จะมีการปรับขึ้นทุกๆ ปี ไม่ว่าปรับเพิ่มจากฐานเงินเดือน หรือ ค่ากลาง (Mid Point) ของกระบอกเงินเดือน ก็ตาม ดังนั้น การจัดการจ่ายค่าจ้างเงินเดือน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะพิจารณาเป็นพื้นฐานในการจ่ายค่าตอบแทน

ประจวบเหมาะกับทาง BLCI โทรมาแจ้งว่าจะไม่จัดทำการสำรวจค่าตอบแทนในปีนี้ 2559/2560 เสนอให้พี่จัดหลักสูตรเกี่ยวกับการจัดทำโครงสร้างเงินเดือน และทาง BLCI จะแจกรายงานผลการสำรวจค่าจ้าง เงินเดือน และ สวัสดิการ ปี 2558 และแนวโน้ม ปี 2559 ให้แก่ผู้เข้าร่วมการอบรมฟรี 
 
(◕‿◕✿) พี่จึงร่างหลักสูตร การอ่านวิเคราะห์รายงานสำรวจค่าตอบแทน (เงินเดือน และ สวัสดิการ) ข้อมูลการจ่ายเงินเดือน (Base Salary) และ การจ่ายค่าตอบแทนรวม (Total Pay) และข้อมูลสวัสดิการอื่นๆ เพื่อนำมาใช้ในการจัดโครงสร้างเงินเดือน และ บริหารจัดการการจ่ายปัจจุบันเทียบกับโครงสร้างเงินเดือน หรือ ที่เรียกว่า Salary Slotting 

การสอนครั้งนี้ เราจะใช้เล่มรายงานการสำรวจค่าจ้าง และ สวัสดิการ ปี 2558/2559 ที่ทาง BLCI แจกให้ประกอบการสอนค่ะ
 หากน้องๆ หรือผู้อ่านสนใจ จะเข้าร่วมสัมมนาที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 กันยายน 2559 ที่โรงแรม Grand Mercure Bangkok Fortune พระราม 9
  ติดต่อจองที่นั่งที่ BLCI  029373770 e-mail blci@blcigroup.com, Website: www.blcigroup.com นะคะ
ขอจำกัดจำนวนที่ 30 คน เพราะเราจะทำ workshop ปฏิบัติ และจะได้คุยกัน สอบถามข้อสงสัยได้ทั่วถึงค่● 


...แถมท้ายนิดนะคะ น้องๆ บางท่านอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ BLCI ชื่อจริง คือ ศูนย์กฎหมายธุรกิจอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ของ ดร. จำเนียร จวงตระกูล ผู้เชี่ยวชาญการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นค่ายไทยที่จัดทำการสำรวจค่าตอบแทนเก่าแก่ค่ายหนึ่ง พี่เองเข้าร่วมสำรวจกับ BLCI กว่า 15 ปี ต่อเนื่องนอกเหนือจากใช้บริการค่ายไทยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น PMAT, BMC, และค่ายฝรั่ง เช่น HAY, MERC, MERCER, HEWITT, TOWERS WATSON และ หอการค้าต่างๆ ในประเทศไทย... ข้อมูลรายงานของ BLCI จะมีสรุปภาพ MACRO วิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจของไทย สถานการณ์แรงงาน การว่างงาน และข้อมูลของบริษัทที่เข้าร่วมสำรวจในการจ่ายโบนัส การปรับค่าจ้างประจำปี เปรียบเทียบข้อมูลการปรับย้อนหลัง 5 ปี และแนวโน้มในปีถัดไป รวมทั้งภาพรวมการจ่ายสวัสดิการ ของ 7 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1) กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วไป 2) กลุ่มอุตสาหกรรมการค้า 3) กลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์โลหะ 4) กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์  5) กลุ่มอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 6) กลุ่มธุรกิจบริการ และ 7) กลุ่มธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์  สรุปข้อมูลของแต่ละตำแหน่งงาน ดูง่าย สรุปหน้าที่ภาระงานของตำแหน่งงาน (เพื่อ benchmark หรือเปรียบเทียบกับหน้าที่งานของบริษัท) และ จัดแบ่งข้อมูลค่าตอบแทน 2 ส่วน คือ ข้อมูลค่าจ้างซึ่งเป็นข้อมูลดิบของบริษัทผู้เข้าร่วมสำรวจ และ ข้อมูล Percentile หรือข้อมูลการเปรียบเทียบจัดลำดับ P25, P50, P60 และ P75 รวมทั้งสรุปนิยาม และ สูตรทางสถิติที่ใช้ในการประมวล วิเคราะห์ข้อมูลการจ่ายค่าตอบแทน
o(︶︿︶)oน่าเสียดายจริง ๆ ที่ BLCI จะยุติการสำรวจค่าตอบแทน o(︶︿︶)o

ครูพี่ตุ้ม (7-09-59)
#HROD #Consultant